วันนี้มีเกมมาให้เล่นขำ ๆ ครับ..
อยากทราบว่าเครื่องหมายบนคีย์บอร์ดทั้ง 10 นี้ มีชื่อว่าอะไร?
1. ”
2. #
3. $
4. ^
5. &
6. *
7. [ ]
8. { }
9. =
10. |
ขอเป็นชื่อภาษาอังกฤษแบบเป็นทางการนะครับ
ชื่อไทย เช่น ฟันหนู ยกกำลัง วงเล็บก้ามปู พวกนี้ไม่เอานะ ^^
ทำไมถึงถามน่ะหรือ?
วันก่อนผมคุยเรื่องสูตร Excel กับฝรั่ง คุยกันไม่รู้เรื่องเพราะไม่รู้จะเรียกเครื่องหมายพวกนี้เรียกว่าอะไร
ลองค้น Google ถึงได้รู้ว่าหลงเรียกผิดมาตั้งนาน (เช่น ชาร์ป สตริง)
มาดู “ชื่อจริง” ของเครื่องหมายทั้ง 10 พร้อมความหมายทาง Excel กันครับ
1. ” เรียกว่า Quotation mark
หรือเรียกว่า Double quotes ก็ได้
(ถ้าเป็นขีดเดียว ‘ เรียกว่า Apostrophe หรือ Single quote ก็ได้)
ในทาง Excel ใช้ ” ” เพื่อทำให้ใส่ตัวหนังสือ (Text) ลงไปในสูตรได้ เช่น
=IF(A2=”Thailand”,1,0)
ถ้าไม่ใส่ ” ” ครอบตัวหนังสือในสูตร จะได้ผลลัพธ์เป็น
#NAME?
บางครั้งเราอาจเจอสิ่งที่หน้าตาเหมือน Text ในสูตร ทั้งที่ไม่มี ” ” ครอบ แต่สูตรก็ไม่เจ๊ง เช่น
=A2*TaxRate
เพราะ TaxRate คือชื่อที่เรากำหนดค่าไว้แล้ว (Range Name, Define Name)
สามารถตรวจสอบชื่อทั้งหมดที่กำหนดค่าไว้ โดยกด Ctrl+F3
จากภาพด้านบน TaxRate มีค่า = 20%
ถูกลิงก์กับเซลล์ A6 ในชีต Sheet1 นั่นเอง
.
2. # เรียกว่า Hash sign
หรือจะเรียกว่า แฮชแท็ก (Hashtag) ก็ได้
ส่วนใหญ่เรามักเรียกเครื่องหมายนี้ว่าชาร์ป (Sharp) แต่จริง ๆ แล้ว มีความต่างระหว่างเครื่องหมาย Hash และ Sharp
เครื่องหมายชาร์ปจะตั้งตรง ส่วนเครื่องหมาย Hash (#) จะเอนทางด้านขวาเล็กน้อย
(เครื่องหมายชาร์ปไม่มีบนคียบอร์ด)
ลองนึกถึงเวลาใช้เครื่องหมาย # บนเฟซบุ๊ก เราเรียกว่า แฮชแท็ก ไม่ใช่ ชาร์ปแท็ก จริงไหมครับ ^_^
ในทาง Excel ใช้ # อ้างอิงชื่อ Header ของ ข้อมูลที่กำหนดฟอร์แมตเป็น Table (กด Ctrl+T) ไว้แล้ว เช่น
=Table1[[#Headers],[Country]]
แปลว่า ให้เอาชื่อ Header จาก Table1 ของคอลัมน์ที่ชื่อ Country มา
ผลลัพธ์ก็คือ Country นั่นเอง
.
3. $ เรียกว่า Dollar sign
ส่วนใหญ่คนไทยมักเรียกว่าสตริง (String) แต่จริง ๆ แล้วเรียกว่า Dollar sign
ในทาง Excel เราใช้ Dollar sign เพื่อล็อคคอลัมน์ และ/หรือ แถว เพื่อไม่ให้เลื่อนเวลาลากสูตรนั่นเอง
สำหรับใครที่สนใจเรื่องการใช้ Dollar sign อ่านรายละเอียดได้จากบทความนี้
คลายปม! ปัญหาการใส่ดอลลาร์ไซน์ $ ใน Excel
.
4. ^ เรียกว่า Caret
เครื่องหมายนี้ ในทาง Excel คือ ยกกำลัง นั่นเอง
แทนที่จะเขียนในสูตรว่า
1000000
ก็เขียนว่า 10^6 แทน เช่น
=B2/10^6
ดูง่ายกว่า
=B2/1000000
เยอะเลยใช่ไหมครับ ตาไม่ลายด้วย ^^
.
5. & เรียกว่า Ampersand
เมื่อก่อนนี้ผมเรียก แอนด์ (And) พอคุยกับฝรั่งถึงรู้ว่าเค้าไม่ได้เรียกกันแบบนั้น
And คือ ความหมาย ส่วนชื่อคือ Ampersand
ในทาง Excel เราใช้เครื่องหมาย & เพื่อเชื่อมข้อมูลเข้าด้วยกัน เช่น
=D2&E2
หรืออาจใช้ฟังก์ชั่น CONCATENATE ก็ได้ เช่น
=CONCATENATE(D2,E2)
ผลลัพธ์เหมือนกัน แต่ใช้ & ดูง่ายกว่าเนอะ ^__^
.
6. * เรียกว่า Asterisk
เมื่อก่อนนี้ผมเรียก Star แต่คุยกับฝรั่งเค้าก็พอเดาได้นะ ^^
จะว่า Star ผิดก็ไม่เชิง เพราะ Aster เป็นภาษากรีก แปลว่าดาวเหมือนกัน พอกล้อมแกล้มได้เนอะ
* ในทาง Excel มีความหมาย 2 แบบ
แบบแรกคือ การคูณ เช่น
=A2*B2
แบบที่สอง ใช้สื่อว่า อะไรก็ได้ เช่น
=SUMIF($A$2:$A$10,”*land”,$B$2:$B$10)
แปลว่า ให้รวมค่าในเซลล์ B2:B10 เฉพาะประเทศอะไรก็ได้ในเซลล์ A2:A10 ที่ลงท้ายด้วยคำว่า land (เช่น Thailand, Poland, Switzerland)
คำตอบก็คือ 17 นั่นเอง
.
7. [ ] เรียกว่า Square brackets
หรือจะเรียกสั้นๆว่า brackets ก็ไม่ผิด
(เมื่อก่อนนี้ผมเรียก big brackets อันนี้ผิดชัวร์ T_T)
บางคนเรียกเครื่องหมาย ( ) ว่า brackets ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะชื่อทางการของ ( ) คือ Parentheses หรือจะเรียกว่า Round brackets ก็ได้
ส่วนเครื่องหมาย < > เรียกว่า Angle brackets
ในทาง Excel มักใช้ [ ] กับข้อมูลที่ถูกจัดฟอร์แมตเป็น Table (กด Ctrl+T)
เช่น
=SUM(Product[Volume])/10
แปลว่า ให้รวมตัวเลขในคอลัมน์ (ฟิลด์) ที่ชื่อ Volume ของตารางชื่อ Product แล้วหารด้วย 10
ผลลัพธ์ก็คือ 54 นั่นเอง (20+30+…+100)/10
.
8. { } เรียกว่า Curly brackets
หรือเรียกว่า Braces ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด
อ้อ! ถ้าเจอ { } ในสูตร Excel เครื่องหมายนี้ไม่ได้เกิดจากการพิมพ์ แต่เกิดจากการกด Ctrl+Shft+Enter
หรืออาจเรียกว่าทำให้สูตร “เพิ่มระดับชั้น” การคำนวณในเชิงสูตรอาร์เรย์ (Array Formula) ก็ได้
มาทวนเรื่องวงเล็บกันหน่อย วงเล็บมีทั้งหมด 4 แบบคือ
- ( ) เรียกว่า Parentheses หรือ Round brackets
- [ ] เรียกว่า Square brackets หรือ Brackets เฉยๆก็ได้
- { } เรียกว่า Curly brackets หรือ Braces
- <> เรียกว่า Angle brackets
ถ้าเขียน <> ติดกัน ในเชิง Excel แปลว่า ไม่เท่ากับ เช่น
=IF(E2<>”Thailand”,2%,5%)
.
9. = เรียกว่า Equal sign
ชื่อของมันตรงตัวเลยนะ เมื่อก่อนนี้ผมก็เรียก Equal sign คิดว่าต้องผิดแน่ๆ แต่ดันถูกแฮะ ^^
ในทาง Excel Equal sign (=) ใช้ขึ้นต้นการเขียนสูตร หรือ ใช้สื่อว่า เท่ากับ เช่น
=A2*B2E
=IF(D2=”Report”,C2*3,0)
อ้อ! เวลาเขียนสูตร แนะนำให้ขึ้นต้นด้วย = เท่านั้น ไม่แนะนำให้ขึ้นต้นด้วย + นะครับ
.
10. | เรียกว่า Pipe
ในทาง Excel เครื่องหมายนี้ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ มักใช้เชื่อมข้อมูล 2 คอลัมน์เข้าด้วยกัน แล้วใช้คอลัมน์เป็นตัวดัชนีสำหรับอ้างอิง หรือค้นหา
หรืออาจเชื่อมข้อมูล 2 คอลัมน์ (มากกว่า 2 ก็ได้) เข้าด้วยกันก่อน แล้วค่อยจับแยก โดยใช้ฟังก์ชัน FIND ร่วมกับ MID และ LEN เช่น
สมมติ เซลล์ A8 มีค่าเป็น Thailand|357
=MID(A8,FIND(“|”,A8)+1,LEN(A8)-FIND(“|”,A8))
ผลลัพธ์ที่ได้คือ 357
หรืออาจใช้ฟีเจอร์ Text to columns เลือกเป็นแบบ Delimited เลือก Delimiter เป็น Other แล้วระบุเป็น | ก็ได้
เช่น ต้องการแยกข้อความก่อน และ หลังเครื่องหมาย | ออกจากกัน (จากภาพคือคอลัมน์ C)
เลือกครอบคอลัมน์ C คลิกที่ Ribbon Data/Text to columns
เลือก Delimited เพื่อบอกว่าจะกำหนด “ตัวแบ่ง” ข้อมูลเอง
เลือก Delimiters เป็น Other และพิมพ์ในช่องข้าง ๆ ว่า |
ข้อความ ก่อน และ หลัง เครื่องหมาย | จะถูกแยกออกจากกัน แบบนี้ครับ
เหตุผลที่นำเครื่องหมาย | มาใช้เชื่อมข้อมูล เพราะเครื่องหมายนี้มีโอกาสเจอในข้อมูลต่ำมาก ถ้าใช้เครื่องหมายอื่น (เช่น / หรือ , ) อาจมีโอกาสที่ข้อมูลจะมีเครื่องหมายนั้นๆ (เช่น บ้านเลขที่) แล้วสูตรก็จะผิด T_T
.
ยังมีอีกหลายเครื่องหมาย เดี๋ยววันหลังมาต่อภาค 2 กันครับ
ตอนแรกว่าจะเขียนสั้น ไป ๆ มา ๆ กลับยาวซะงั้น ^_^
.
หากคุณชอบบทความแนวนี้ สามารถอัพเดตบทความใหม่โดยคลิก Like เฟซบุ๊กเพจ วิศวกรรีพอร์ต
อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนอ่านเพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะครับ ^__^
ขอบคุณมากสำหรับความรู้ที่นำมาแบ่งปันครับ
ดีใจที่ชอบนะครับ 😊