คุณคิดว่า คนเรียนหนังสือเก่งมีเคล็ดลับไหมครับ?
ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก …
เคล็ดลับอาจมีหลายอย่าง แต่เคล็ดลับที่ทุกคนทำเหมือนกันก็คือ
อ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียน
ทำไมต้องอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียนล่ะ ก็อาจารย์จะสอนอยู่แล้ว อ่านไปทำไม?
เมื่อก่อนผมก็เคยคิดว่าการอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียนเป็นเรื่องเสียเวลา
จึงไม่อ่านหนังสือไปก่อน รอฟังตอนอาจารย์สอนในห้องทีเดียว (สบายกว่าเยอะ)
วิธีนี้พอเอาตัวรอดได้สมัยเรียนประถมถึงมัธยม
แต่เอาตัวไม่รอดสมัยมหาลัย โดยเฉพาะการเรียนวิศวะ ไม่รอดอย่างแรง
ถ้าไม่อ่านมาก่อน เข้าไปเรียนก็จะเข้าใจแค่ 15 นาทีแรก ที่เหลือนั่ง(คุยกับเพื่อน)รอให้อาจารย์สอนจนจบคาบ
สุดท้ายก็จะมาบ่นกับเพื่อน(ที่นั่งคุยด้วยกันตอนเรียน)ว่า
“อาจารย์คนนี้สอนไม่รู้เรื่องเลยว่ะ”
“อ่านเองง่ายกว่า”
ด้วยความคิดแบบนี้ เกรดเฉลี่ยปี 1 จึงจุ๋มจิ๋มแค่ 2.1
(เสียใจหนักมาก T_T)
จึงถามเพื่อนที่ได้ 3.9 ว่าเค้าทำอย่างไร
ถึงได้รู้เคล็ดลับว่าคนทีได้ 3.9 เค้าอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียน !
ตอนแรกผมก็ไม่เชืื่อนะ แต่วิธีเดิมได้เกรดเฉลี่ย 2.1 คงไม่มีอะไรต้องเสียแล้วล่ะ ก็เลยลองอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียน
ถามว่าตอนอ่านเข้าใจไหม ตอบแบบแมนๆเลยว่า ไม่ค่อยเข้าใจหรอก จุดนั้นก็งง จุดนี้ก็งัน
แต่ก็คุ้นๆกับศัพท์ใหม่ คุ้นๆกับหลักการ คุ้นๆว่ามีควรมีขั้นตอนยังไง แล้วก็เข้าห้องเรียนทั้งที่ยังงงงันแบบนั้นแหละ
แต่ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เคยงง สิ่งที่เคยงัน พออาจารย์พูดให้ฟัง กลับเข้าใจซะอย่างงั้น
ทั้งที่อาจารย์ก็พูดคล้ายๆในหนังสือนั่นแหละ เพียงแต่อาจอธิบายอีกมุม ยกตัวอย่างประกอบอีกแบบ
บางจุดที่อาจารย์อธิบายไม่ละเอียด หรือบางจุดที่ผมอ่านมาแล้วไม่เข้าใจ ผมก็ยกมือถามอาจารย์
อาจารย์(ดัน)ถามกลับว่า “แล้วเข้าใจว่ายังไง?”
“จะถามกลับทำไมฟะ” ผมสบถในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมา ^^
ผมก็อธิบายว่าน่าจะเป็นแบบนี้
อาจารย์ยิ้ม แล้วอธิบายว่าสิ่งที่ผมพูดมีจุดใดไม่ถูกต้อง รวมถึงยกตัวอย่างเพิ่มเติม
(ตอนอธิบายดูอาจารย์มีความสุขด้วยนะ ^^)
ผมจึงรู้สึกว่าการเรียนในห้องเรีียนเป็นเรื่องสนุก การอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียนเป็นสิ่งที่ต้องทำ
ถามว่าดีขึ้นไหน ขอตอบว่ามาก
การอ่านหนังสือไปก่อน ต่อให้เราไม่เข้าใจทั้งหมด อย่างน้อยเราก็สร้างความคุ้นเคย เราจะรู้ว่าตรงไหนที่เข้าใจ และตรงไหนที่ไม่เข้าใจ สิ่งที่อาจารย์สอนจะไม่ใช่ใหม่หมดทั้ง 100%
เสมือนว่าเราได้สร้างความเข้าใจไปแล้ว 30% (หรืออาจมากกว่านั้น)
ในทางตรงข้าม ถ้าเข้าเรียนแล้วสิ่งที่อาจารย์สอนเป็นเรื่องใหม่ทั้งหมด 100% การเข้าใจได้ 40% จากการเรียนครั้งนั้น ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
Excel ก็เช่นกัน
การเรียน Excel คอร์สใดก็ตามควรมีความรู้และผ่านประสบการณ์ใช้งานจริงอย่างน้อย 30% ของสิ่งที่เขียนในรายละเอียดคอร์ส (Course Outline)
การเรียน Excel ที่ดีคือการเติมเต็มในสิ่งที่รู้แล้วแต่ยังไม่ทะลุปรุโปร่ง คือการปรับสิ่งที่เคยเข้าใจผิดให้ถูกต้อง คือการเสริมเติมเทคนิคใหม่ๆ
แต่ถ้าทุกเรื่องเป็นเรื่องใหม่ เวลาทั้งหมดจะเสียไปกับการทำความคุ้นเคย
ซึ่งการทำความคุ้นเคยนี้ บางคนอาจใช้เวลาแป๊ปเดียว แต่บางคนอาจใช้เวลาเป็นวัน ขึ้นกับพื้นฐานของแต่ละคน
คำถามที่ได้รับจากคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นเลย กับคนที่มีประสบการณ์จะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
จากประสบการณ์ของผมทั้งการเป็นทั้งนักเรียนและอาจารย์นั้น คำถามระหว่างเรียนจะมี 7 แบบคือ
- เมนูคำสั่งอยู่ตรงไหน?
- เวลาใช้ ใช้ยังไง?
- ผลลัพธ์หน้าตาเป็นแบบใด?
- ควรใช้กับเคสแบบไหน?
- มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
- ประยุกต์ใช้กับเคสอื่นได้ยังไงบ้าง?
- มีความต่างกับวิธีอื่นยังไงบ้าง?
ถ้าคนที่ไม่มีความรู้เลย คำถามคือข้อที่ 1-3
ถ้าคนที่มีประสบการณ์การณ์แล้ว คำถามที่ถามคือข้อ 4-7
ซึ่งคำถามข้อ 1-3 แสดงถึงความเข้าใจระดับเบื้องต้นเท่านั้น ถ้ามีความเข้าใจระดับนี้ บอกได้เลยว่ายังไม่พร้อมใช้งานจริง ต้องขวนขวายทดลองอีกมาก หรือเรียนแล้วก็ต้องเรียนเพิ่มเติม
แต่ถ้าเกิดคำถามข้อ 4-7 เชื่อได้เลยว่า ตอนนำไปใช้จริง แทบจะดีดนิ้วแล้วเสร็จด้วยซ้ำไป ^__^
สิ่งที่่ทำให้เกิดคำถามข้อที่ 4-7 ได้ระหว่างเรียน ก็คือประสบการณ์ก่อนเรียนนั่นเอง
งั้นแปลว่า ถ้าอ่านรายละเอียดคอร์สแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหม่ทั้งหมด ก็ไม่ควรไปเรียน?
คำตอบคือ ใช่ และ ไม่ใช่ ครับ
ที่ว่า ใช่ คือ ถ้าคิดประมาณว่าตอนนี้ไม่มีความรู้เลย แต่อยากใช้เป็น งั้นไปลงเรียนดีกว่า ไปเรียนแบบหัวแบลงก์ๆนี่แหละ
การคิดแบบนี้ ตอนเรียนจะเข้าใจแค่ช่วงแรกของแต่ละเรื่องย่อย พอถึงช่วงประยุกต์ก็จะไม่เข้าใจ แล้วก็รอให้อาจารย์เปลี่ยนหัวข้อ พอช่วงท้ายก็จะหลุดยาว
ที่ว่า ไม่ใช่ คือ ถ้าคิดว่าไม่มีความรู้เลย แต่กว่าจะถึงวันเรียนเหลือเวลาอีก 1 เดือน งั้นก็เตรียมตัวก่อน
อ่านหนังสือ อ่านบทความ ทดลองใช้ในงานจริง เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างไม่เป็นไร เดี๋ยวรอไปถามอาจารย์ตอนเรียน
ถ้าคิดแบบนี้ ควรไปเรียนอย่างยิ่ง
น่าเสียดายที่คนทำแบบหลังมีไม่ถึง 1%
ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะแค่ทำงานแต่ละวันก็หมดเวลาแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปเตรียมตัวก่อนเรียน
(ผมเองก็ทำไม่ได้)
ทางแก้ที่ดีที่สุดคือ ต้องมีความรู้และประสบการณ์ระดับหนึ่งก่อนจึงค่อยไปเรียน แบบนี้จะได้ผลดีที่สุด
เสมือนการอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียนนั่นแหละ ^__^
ถ้ามีอยู่แล้ว 30 การจะได้ 100 ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ถ้าเริ่มจาก 0 การได้ 40 ถือเป็นเรื่องยากมาก
และการที่จะได้ 30 ก็คือการอ่านหนังสือมาก่อน หรือการมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆก่อนเข้าเรียนนั่นเอง
เคล็ดลับนี้ใช้ได้กับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนเรื่องใด
เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ ^__^
.
หากคุณชอบบทความแนวนี้ สามารถอัพเดตบทความใหม่ๆโดยคลิก Like เฟสบุ๊คแฟนเพจ วิศวกรรีพอร์ต หรือคลิก ที่นี่
อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนอ่านเพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะครับ ^__^
Leave a Reply