ถ้าคุณมี “ศรัทธา” คุณต้องไปดู “9 ศาสตรา”

ก่อนหน้านี้ผมชอบดูหนังมาก เข้าโรงหนังไม่ต่ำกว่า 50 ครั้งต่อปี หรือพูดง่ายๆว่าดูอาทิตย์ละเรื่อง

แต่พอมีลูกชีวิตก็เปลี่ยนไป คงไม่สามารถพาเด็กทารกเข้าโรงหนังได้ จากที่เคยดู 50 เรื่องต่อปี ผ่านมา 5 ปี เพิ่งมีโอกาสเข้าโรงหนังเพียง 3 ครั้งเท่านั้น

ผมยังคงชอบดูหนัง แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง จึงต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์แบบจำยอม

แต่สำหรับหนังเรื่อง “9 ศาสตรา” พอรู้จักหนังเรื่องนี้ ทำให้อยากเข้าโรงหนังครั้งที่ 4 ในรอบ 5 ปีทันที

ต่อให้ดูคนเดียวก็จะดู และก็ไปดูมาแล้ววันนี้ (25 มกราคม 2018)

ดูแล้วรู้สึกยังไงน่ะหรือครับ?

ผมขอตอบประโยคเดียวสั้นๆ “คุณต้องไปดู”

ทำไมน่ะหรือครับ?

เพราะเป็นหนังที่ดีมาก

ดียังไงน่ะหรือครับ?

ผมไม่ใช่นักวิจารณ์หนัง ขอไม่พูดในแง่ของบท เนื้อเรื่อง หรือองค์ประกอบหนัง

แต่อยากเล่าอีกมุมมองนึงของหนังเรื่องนี้ให้ฟัง

หนังเรื่องนี้เกิดจากคนไทยกลุ่มหนึ่งที่มีความฝันอยากสร้างอนิเมชันสัญชาติไทย ทั้งที่รู้ว่าตลาดไม่ใหญ่เหมือนหนังตลก หรือโอกาสขาดทุนสูง แต่พวกเขาก็ร่วมกันลงขันเพื่อสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา

ตอนแรกวางงบไว้ที่ 30 ล้านบาท มีทีมงานประมาณ 10 คน และคาดว่าจะใช้เวลาสร้าง 2 ปี

แต่พอลองทำตัวอย่างดูถึงได้รู้ว่า ถ้ามีงบเพียง 30 ล้าน การจะได้ซึ่ง “คุณภาพ” ที่อยากให้เป็นนั้น มันช่างห่างไกลจากตรงนั้นเสียเหลือเกิน

จึงเพิ่มงบเป็น 60 ล้านบาท เพิ่มทีมงาน เพิ่มรายละเอียดให้สมจริง

และพวกเขาก็พบว่าการสร้างอนิเมชันมีรายละเอียดเยอะมาก แม้จะมีโปรแกรมหรือเทคโนโลยีช่วย แต่การจะมีรายละเอียดแบบที่อยากให้เป็นนั้น ด้วยงบประมาณ 60 ล้าน ไม่มีทางเป็นไปได้

เค้ารู้ว่าถ้าอยากทำให้ได้แบบนี้ต้องทำไง แต่การ “ทำไง” นั้นต้องใช้เงินมหาศาล

ประชุมกันหลายรอบ ทุ่มเถียงกัน จนสุดท้ายก็ได้ “มาตรฐาน” ที่อยากให้หนังออกมาได้ระดับนี้

และด้วย “มาตรฐาน” ที่ตั้งไว้ งบจึงเพิ่มขึ้นจาก 60 กลายเป็น 230 ล้าน !

และเป็น 230 ล้านที่ผู้สร้างบอกว่าใช้งบอย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว

หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ เป็นงบที่ถูกใช้สอยอย่างประหยัดแล้ว

23415219_1696915073707582_7459415491882713348_o

จากทีมงาน 10 คน ก็กลายเป็น 200 ชีวิต

จากที่คิดว่าใช้เวลาสร้าง 2 ปี ก็กลายเป็น 4 ปี

และเป็น 4 ปี ที่พวกเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมาก เรียกได้ว่าทุ่มทุกอย่างที่มีให้กับหนังกับเรื่องนี้

แต่ด้วยความพยายามสุดชีวิตของพวกเขา กลับถูกตัดสินด้วยเวลาฉายในโรงเพียง 2 สัปดาห์ …

แม้กระแสหนังจะออกมาดีมาก นักวิจารณ์ต่างชื่นชม ยิ่งเป็นผลงานของคนไทยยิ่งได้รับการชื่นชม

23509110_1696915080374248_2431424131809434009_o

แต่รายได้อาจไม่เป็นเช่นนั้น

จากรายได้ล่าสุด หนังเรื่องนี้ยังขาดทุนอยู่มาก เอาเป็นว่า 230 ล้านที่ลงขันไป ไม่รู้จะได้กลับมาแค่ไหน

ผู้สร้างไม่หวังว่าจะคุ้มทุน หวังเพียงว่าขาดทุนให้น้อยที่สุด จะได้เป็นกำลังใจให้กับทีมงาน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่อยากสร้างอนิเมชันไทย

จากที่ผมได้ฟังการสัมภาษณ์ของโปรดิวเซอร์ฝ่ายผลิต (คุณเหว่ง) ทำให้ทราบว่า ทีมงานอยากสร้างหนังให้มีรายละเอียดสมจริงมากที่สุด

เช่น เวลามีลมพัด ก็อยากให้เส้นผมปลิวไสว คำว่า “ไสว” คือ ปลิวพลิ้วเห็นเป็นเส้นๆ ดูเป็นธรรมชาติ

ทีมงานรู้ว่า อยากให้ผมปลิวไสวต้องทำยังไง ใช้เทคนิคอะไร แต่ก็ทำไม่ได้

ทำไมถึงทำไม่ได้น่ะหรือครับ?

เพราะถ้าทำเช่นนั้น งบประมาณคงไม่ใช่ 230 ล้าน และต้องใช้เวลาสร้างประมาณ 6 ปี

(แค่ 230 ล้าน ยังไม่รู้ว่าจะได้คืนทุนหรือเปล่าเลย)

แล้วทำไมหนังต่างประเทศเค้าทำได้ ทำไม Disney, Pixar ทำได้?

คำตอบง่ายๆ เพราะเค้าใช้เงินเป็น 1,000 ล้าน ของเราใช้ไม่ถึง 20% ของเค้าเลย แต่ก็ได้คุณภาพสูงขนาดนี้แล้ว

คุณเหว่งเล่าให้ฟังว่า เทคนิคบางอย่าง ทีมงานรู้ว่าต้องทำยังไง แต่ถ้าทำแบบนั้น ต้องใช้งบอีกเยอะมาก จึงต้องประยุกต์ใช้สิ่งที่มีในแบบต่างๆ ใช้ความขยันแทนเทคโนโลยี เพื่อให้หนังออกมาดีที่สุด

โดยรวมแล้วผมชอบหนังเรื่องนี้มาก ไม่เสียดายเงิน 220 บาทที่ไปดูเลย

ผมไม่สนใจเรื่องการปลิวไสวของเส้นผม เพราะไม่ใช่สิ่งสำคัญของหนัง

ผมชอบการออกแบบตัวละคร ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ (โดยเฉพาะนางเอก เด็ดมาก ^^) มีความแตกต่างกันชัดเจน และเป็นความแตกต่างที่ลงตัว

ฉากแต่ละฉากก็อลังการ หลายฉากเห็นแล้วต้องทึ่ง (โดยเฉพาะฉากบู๊ของนางเอก ชอบมาก ^^)

ดนตรีประกอบทำได้ยอดเยี่ยม ได้ยินว่าผู้สร้างลงทุนจ้างวงออเคสตร้ามาบรรเลงเลยดีเดียว

ส่วนเนื้อเรื่องที่หลายคนกังวลว่าจะตกม้าตายหรือเปล่า ผมให้ผ่านแบบฉลุย แม้ว่าจะค่อนข้างเดาง่ายไปเล็กน้อย (หนังการ์ตูน คนดูหลักก็คือเด็ก คงไม่สามารถสร้างเนื้อเรื่องให้ซับซ้อนได้)

สิ่งสำคัญคือ ผมชอบความหมายของคำว่า “9 ศาสตรา” 

23376399_1695756310490125_1842312330725335385_n

ตอนแรกนึกว่ามีศาสตรา 9 ชิ้น แต่จริงๆแล้วมี “ชิ้นเดียว”

และถ้าความเข้าใจของผมไม่ผิด 9 ศาสตราที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่อาวุธ แต่เป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น

และนั่นน่าจะเป็นแก่นของหนังที่ผู้สร้างอยากสื่อให้กับคนดู หรืออยากสื่อเป็นคติสอนใจให้กับเด็กๆ

(ขออนุญาตไม่บอกว่าคืออะไรนะครับ)

เอาเป็นว่าพอดูหนังเรื่องนี้จบ ผมรีบกลับมาเขียนบทความนี้ ใช้เวลาเขียนกว่าหนึ่งชั่วโมง แม้ไม่ได้ค่าตอบแทนสักบาทเดียว แต่ก็อยากเขียน

อยากเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ชวนเชิญคนไทยทุกคนไปดู

ผมไปดูที่ Mega Cineplex พบว่ามีฉายอยู่เพียงโรงเดียวเท่านั้นจาก 15 โรง

และคนที่ดูพร้อมกับผมก็มีประมาณ 20 คนเท่านั้น

หนังดีๆแบบนี้ มีคนดูเท่านี้ น่าเสียดายมาก …

บางคนบอกว่า หนังเรื่องนี้ทำเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ แต่จากฟังการสัมภาษณ์ของคุณเหว่ง คล้ายกับว่าตลาดต่างประเทศนั้นไม่ง่ายเลย

ตลาดหนังบ้านเราซบเซา ตลาดต่างประเทศก็คล้ายกัน พฤติกรรมคนเข้าโรงหนังน้อยลง พอไปเสนอหนัง ต่างประเทศเค้าก็ดูชอบ แต่ถ้าจะให้ซื้อเลย เค้าก็มีนั่นนู่นนี่ ไม่รู้จะออกหัวออกก้อย

ผมอยากเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงให้กับหนังเรื่องนี้ อยากให้คนไทยได้ดู ให้เห็นว่าคนไทยเราก็ทำหนังดีไม่แพ้ฮอลลีวูด แถมสร้างด้วยงบประมาณที่ต่ำกว่าหลายเท่า

ทีมงานเค้าใช้เวลาสร้างตั้ง 4 ปี ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปทุกอย่าง พวกเขามี “ศรัทธา”

แล้วเราจะไม่ตอบแทน “ศรัทธา” ของพวกเขากันหน่อยหรือครับ

สุดสัปดาห์นี้ ลองสละเวลา 2 ชั่วโมงไปดูหนังเรื่องนี้ดีไหมครับ รับรองว่าสนุกคุ้มค่าตั๋วแน่นอน ^__^

ขอบคุณทีมงาน 9 ศาสตรา ที่ทำหนังอนิเมชันชั้นเยี่ยม เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยครับ

.

ขอบคุณภาพสวยๆจาก https://www.facebook.com/9satramovie/

วิศวกรรีพอร์ต

คนธรรมดาผู้มีประสบการณ์ทำงานหลากหลายตำแหน่ง คลุกคลีกับการทำรีพอร์ตมาโดยตลอด สุดท้ายค้นพบแนวทางของตัวเอง จึงอยากแบ่งปันเคล็ดลับและประสบการณ์ให้กับผู้สนใจ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.