ตูม! วี้ด ๆ ๆ
ผมสะดุ้งจากเตียงทันที เสียงสัญญาณกันขโมยร้องโหมกระหน่ำ
เปิดหน้าต่างเห็นไฟสัญญาณกันขโมยของบ้านหัวมุมกำลังหมุน นึกในใจว่าบ้านนั้นอาจเปิดสัญญาณแล้วเผลอเปิดหน้าต่าง
เหลือบเห็นนาฬิกาบอกเวลาตีสาม พระอาทิตย์ของวันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม 2021 ยังไม่แย้มแสงเลย
ด้วยความง่วง ผมจึงนอนต่อ แอบสงสัยว่าเสียงตูมคืออะไร ไม่นานก็ผล็อยหลับ
“พี่บิว ไฟไหม้!” ภรรยาร้องสุดเสียง ทันทีที่เปิดไลน์หมู่บ้าน
“หา! อะไรนะ” ผมสะดุ้งอีกครั้ง
“ไฟไหม้โรงงานหลังหมู่บ้านเรา” ภรรยาตอบ
“โรงงาน? หลังหมู่บ้านเรามีโรงงานด้วยเหรอ” ผมถาม
“มี ชื่อหมิงตี้ เคมิคอล ห่างบ้านเราแค่กิโลเดียว”
“เฮ้ย!”
“พี่บิว กระจกข้างล่างแตก” ภรรยาส่งเสียงอีกครั้ง
ผมรีบลงไปดู โชคดีที่แตกแค่บานเดียว
เดินออกมานอกบ้าน ภาพควันที่เห็นคล้ายระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเห็นภาพนี้ที่บ้านตัวเอง
“บ้านคุณบิวเป็นไงบ้างคะ” เสียงคุณฟ้า เพื่อนบ้านเอ่ยทัก
“กระจกแตกบานนึงครับ บ้านคุณฟ้าเป็นไงบ้างครับ” ผมถามกลับ
“บ้านฟ้าแตกไปสองบานค่ะ ฝ้าร้าวด้วย เมื่อคืนเลยรีบพาเด็ก ๆ ไปที่บ้านญาติก่อน นี่ฟ้ากลับมาเก็บของ เดี๋ยวจะอพยพไปกันทั้งบ้านเลยค่ะ”
“เอ๋! ไฟยังไหม้อยู่หรือครับ?”
“ยังไหม้อยู่ค่ะ แถมกำลังลามไปถังเก็บสารเคมี 20,000 ลิตร ฟ้าว่าคุณบิวรีบออกไปเถอะค่ะ” คุณฟ้าแสดงความเป็นห่วง
ผมภาวนาขอให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น …
“พี่บิว! ผู้ว่าฯ สั่งให้อพยพทันที ข้างบ้านเค้าไปกันแล้ว” ภรรยาวิ่งกระหืดกระหอบ
“งั้นเราไปกันเลย” ผมอุ้มลูกชายคนเล็กและบอกพ่อกับแม่ให้ขึ้นรถ ไม่มีเวลาเตรียมของใด ๆ คว้าได้แต่กระเป๋าคอมพิวเตอร์
“พ่อ หนูยังไม่ได้เตรียมของเลย” ลูกสาวคนโตท้วง
“ไม่มีเวลาแล้วลูก รักษาชีวิตก่อน ถ้าโชคดีตอนบ่ายคงได้กลับ” ผมตอบแล้วรีบสตาร์ตรถ
ขณะขับออกมา ควันสีดำปี๋พวยพุ่งไล่หลัง ผมรู้สึกเหมือนกำลังขับรถหนีระเบิดในหนังแอคชั่น
สภาพการจราจรโกลาหลมาก รถชนกันหลายคัน ต่างคนต่างรีบหนีเอาชีวิตรอด
เวลาตอนนั้นประมาณเก้าโมงเช้า ผมไม่รู้จะไปไหน จึงขอหลบภัยชั่วคราวในบ้านของผู้ใหญ่ท่านนึง กะว่าบ่าย ๆ จะได้กลับ
แต่ภาพข่าวที่ออกมากลับสวนทาง สถานการณ์มีแต่จะแย่ลง
“คืนนี้นอนบ้านพี่ไหม” ผู้ใหญ่ท่านนั้นเอ่ยชวน
ผมซึ้งใจที่ผู้ใหญ่ท่านนั้นถาม แต่บ้านผมมากัน 7 คน มีทั้งเด็กและผู้สูงอายุ แถมสถานการณ์โควิดก็ไม่ค่อยดี ผมไม่สามารถตอบรับน้ำใจนั้นได้
ปัญหาคือ เราจะไปไหน?
ถ้าไปนอนโรงแรมในกรุงเทพ มีแต่คลัสเตอร์โควิดเต็มไปหมด จะกลายเป็นหนีเสือปะจระเข้หรือเปล่า
“ไปพัทยากันไหม?” ภรรยาเอ่ยถาม เธอเคยซื้อคูปองที่พักและใกล้จะหมดอายุ
“ดีเหมือนกัน” ผมตอบ
“เย้! ได้ไปเที่ยวแล้ว” ลูกสาวโห่ร้อง
ผมกับภรรยามองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม
ผมขับรถมาพัทยาด้วยใจหนักอึ้ง ในหัวมีแต่คำว่า “ถ้า …” เต็มไปหมด
“ทะเล ทะเล เห็นทะเลแล้ว!” เสียงลูกสาวตะโกน
“ดูลูกเป็นตัวอย่างไว้พ่อ เครียดไปก็เท่านั้น” ภรรยายิ้ม
วันนั้นโทรศัพท์ของผมแทบไม่ได้พัก เพื่อน ๆ ที่ทราบข่าวต่างติดต่อทุกช่องทาง ทั้งไลน์, เฟซบุ๊ก, อินบ็อกเพจวิศวกรรีพอร์ต หลายคนโทรถามด้วยความเป็นห่วง
“ไฟไหม้ที่กิ่งแก้ว คุ้น ๆ ว่าแถวบ้านมึงหรือเปล่า?”
“เฮ้ย! กูเห็นข่าวไฟไหม้แถวบ้านมึง มึงเป็นไงบ้างวะ?”
“เราเห็นข่าวแล้วน่ากลัวมาก นายเป็นยังไงบ้าง?”
เสียงเพื่อนถามด้วยความห่วงใย
“บิว กูมีคอนโดอยู่ที่นึง ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ มึงไปหลบภัยที่นั่นก่อนไหม?” อ๊อบ เพื่อนสมัยมัธยมปลายโทรถาม
“บิว กูเคยซื้อทาวน์เฮาส์แถวดอนเมือง มึงไปพักที่นั่นก่อนไหม?” กอล์ฟ เพื่อนสมัยมัธยมปลายยื่นน้ำใจ
“บิว เธอพาครอบครัวมาอยู่บ้านชั้นก่อนไหม มาตอนนี้เลย” ภา เพื่อนสมัยทำงานยื่นมือช่วยเหลือ
ลูกศิษย์หลายคนส่งข้อความห่วงใยผ่านอินบ็อกซ์เพจวิศวกรรีพอร์ต ผมจึงเขียนโพสต์แจ้งว่าสบายดี ขอบคุณที่เป็นห่วง
ข่าวการปิดวาล์วถังสารเคมีตอนเที่ยงคืนคล้ายยกเหล็กหนักออกจากอก ขอบคุณนักผจญเพลิงทุก ๆ ท่าน พวกคุณเสียสละและทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก
เช้าวันต่อมา (ใส่เสื้อตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อ กางเกงตัวเดิม กางเกงในไม่ต้องถาม) ผมขับรถกลับมาที่บ้าน โชคดีที่ไม่มีอะไรเสียหายเพิ่มเติม สังเกตสภาพโดยรอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างดูสงบ เพียงแต่อากาศไม่ค่อยดี และเห็นเฮลิคอปเตอร์บินโฉบไปมา
เก็บเสื้อผ้าของใช้จำเป็นแล้วขับรถกลับมาที่พัทยา ตัดสินใจอยู่ต่ออีก 2-3 วัน แต่เปลี่ยนโรงแรมเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
เพิ่งรู้ว่าโรงแรมในพัทยาราคาตอนนี้เหลือแค่หลักร้อยเท่านั้น
ใช่, รวมอาหารเช้าด้วย
ลองเช็คเพจว่าโพสต์ที่ลงไปเป็นยังไงบ้าง ตัวเลขที่เห็นทำเอาอึ้งเพราะมีคนกดไลก์ถึง 6,000 แถมคอมเมนต์มากกว่า 200!
น่าจะเป็นโพสต์ที่คนกดไลก์มากที่สุดในรอบปี ไม่คิดว่าโพสต์ยอดนิยมจะเป็นโพสต์นี้
https://www.facebook.com/reportingengineer/posts/2957598261149939
แม้จะปิดวาล์วได้แล้ว แต่ยังมีไฟปะทุเป็นระยะ ผมตามข่าวด้วยใจจดจ่อ ยอมรับเลยว่าช่วงนั้นไม่มีสมาธิทำงาน อุตส่าห์คว้าคอมพ์มาด้วย แต่แทบไม่ได้งานเลย
คุยกับพนักงานในโรงแรมถึงรู้ว่าแขกหลายคนก็หลบภัยมาเหมือนกัน ก่อนหน้านี้แทบไม่มีแขกมาพัก เพิ่งจะมีก็วันนี้ จากนั้นเราก็ให้กำลังใจกันและกัน
ผมอยู่พัทยาต่ออีกสองวันจึงตัดสินใจกลับ ถึงบ้านก็เป็นช่วงเย็นของวันพฤหัส หรือ 4 วันหลังเกิดเหตุ ตอนลงจากรถรู้สึกโอเค สักพักก็คลื่นไส้ ปวดกระบอกตา เหมือนมีไข้ต่ำ ๆ (พ่อกับแม่ของผมอาการแย่กว่า) แต่วันรุ่งขึ้นอาการก็ดีขึ้น
ขณะที่ผมกำลังพิมพ์บทความนี้ กระจกที่แตกถูกซ่อมแล้ว มองไปรอบนอก ท้องฟ้ามีเมฆขาว ควันปรมาณูที่เคยเห็นประหนึ่งความฝัน ฉากขับรถหนีควันพวยพุ่งเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ทุกอย่างดูสงบ มีเพียงผิวหนังที่รู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ
รู้สึกว่าตัวเองโชคดี
โชคดีที่มีทีมกู้ภัยช่วยควบคุมเพลิง
โชคดีที่มีครอบครัวและภรรยาอยู่เคียงข้าง
โชคดีที่มีแฟนเพจดี ๆ ส่งข้อความให้กำลังใจนับร้อยพัน
โชคดีที่มีเพื่อนคอยห่วงใย หยิบยื่นน้ำใจโดยไม่หวังสิ่งใด
กำลังใจและธารน้ำใจทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น ขอบคุณทุก ๆ ความห่วงใย โดยเฉพาะอ๊อบ กอล์ฟ และภา
“แกห้ามพูดว่าเกรงใจนะ พาครอบครัวมาพักบ้านชั้นได้เลย” ภาย้ำ
ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณมาก ๆ ครับ
บิว วิศวกรรีพอร์ต
Photo Credit: Topeto Studio