นี่คือครั้งแรกที่สอน Power BI เป็นภาษาอังกฤษ ผลเป็นยังไงน่ะหรือ?
ตั้งแต่ลาออกมาตั้งบริษัทของตัวเองเมื่อ 5 ปีก่อน ผมแทบไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษอีกเลย
จากเดิมก็ไม่ใช่คนเก่งภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เพียงแต่ทำงานบริษัทข้ามชาติ ต้องสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ จึงพอซึมซับมาบ้าง แต่ยังห่างไกลคำว่า fluent
พอได้รับการติดต่อจากบริษัท Krones ให้เป็นวิทยากรสอนคอร์ส Visualize it with Power BI โดยมีเงื่อนไขว่าจะมีฝรั่งเข้าอบรมด้วย ฝรั่งคนนี้พอฟังภาษาไทยออก สามารถสอนเป็นภาษาไทยได้ แต่ถ้าฝรั่งถาม ต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษ ผมคิดว่าน่าสนุกดี จึงตอบตกลง
คิดในใจว่า คงสอนภาษาไทย 90% ภาษาอังกฤษ 10%
เอาเข้าจริง ภาษาไทย 10% ภาษาอังกฤษ 90%!
ทำไม?
เพราะมีคนต่างชาติเข้าอบรม 2 คน คนนึงเยอรมัน อีกคนเกาหลี ที่เหลือเป็นคนไทย 6 คน
ช่วงแรกผมสอนเป็นภาษาไทย สังเกตว่าคนต่างชาติทั้งสองไม่สนใจที่พูดเลย (คงฟังไม่ออก) ผมจึงพลิกลิ้น พูดเป็นภาษาอังกฤษแทน
ได้ผล! เค้าเงยหน้าขึ้นมา แล้วฟังสิ่งที่ผมพูดอย่างตั้งใจ
ผมจึงถามคนไทยว่า เพื่อให้ทั้งคลาสไปด้วยกัน ขอสอนเป็นภาษาอังกฤษได้ไหม แต่ผมเองก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษนะ ประสิทธิภาพการสอนอาจลดลงเหลือ 70%
คนไทยทั้งหมดตกลง
ผมคิดในใจ “ฉิบหายแล้ว”
“ทำไมไม่ปฏิเสธฟะ!”
“เอาวะ where is a where where” แล้วการสอนภาษาอังกฤษแบบไม่เตรียมตัวก็เริ่มขึ้น
ถามว่าสุดท้ายโอเคไหม ก็พอไหวนะ คือสู้สอนด้วยภาษาไทยไม่ได้หรอก แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
เหตุผลที่ทำให้โอเคน่าจะมี 3 ข้อ
[ 1. ดูคลิปภาษาอังกฤษบ่อย ]
แม้ผมจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย แต่เวลาศึกษา Power BI ผมศึกษาจากข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ทั้งหนังสือ บทความ คลิป คอร์สออนไลน์ ศัพท์ต่าง ๆ จึงซึมเข้าหัวโดยไม่รู้ตัว เวลาพูดมันก็ไหลเอง
[ 2. สอนแบบฝึกปฏิบัติ ]
เนื้อหาคอร์สนี้เน้นการปฏิบัติ (มีทฤษฎีบ้าง แต่เป็นส่วนน้อย) ผมจะทำให้ดูก่อน แล้วให้ผู้เข้าอบรมทำตาม
พอทำให้ดู มันก็เหมือนมีภาพประกอบ แม้จะพูดภาษาอังกฤษผิด ๆ ถูก ๆ (แอดวง แอดเวิร์บมั่วซั่วมาก) แต่ก็พอถูไถได้
โชคดีที่ดูคลิปภาษาอังกฤษบ่อย คำศัพท์จึงลื่นไหลโดยไม่รู้ตัว
- – Open square bracket (เปิดวงเล็บก้ามปู [ )
- – Close parenthesis (ปิดวงเล็บ)
- – Put them in double quotation marks (ครอบด้วยเครื่องหมายคำพูด)
- – Then, you will find an error. Why’s that? (แล้วคุณจะพบว่ามันมีปัญหา อ้าว! ทำไมล่ะ?)
รู้สึกขอบคุณอาจารย์ Mike Girvin (ExcelIsFun), Marco Russo & Alberto Ferrari (SQLBI) คำพูดของพวกเค้าคล้ายก้องในโสตประสาท ทำให้ผมสอนได้
[ 3. นักเรียนน่ารัก ]
นี่คือเหตุผลสำคัญที่สุด
ใช่, พวกเค้าน่ารัก ให้ความร่วมมือกับผมตลอด ถ้ามีปัญหาก็กล้ายกมือถาม ไม่มีอีโก้ ไม่กลัวเสียหน้า
(จุดนี้สำคัญนะ ผมเคยเจอหลายบริษัท นักเรียนมีอีโก้ เวลาเจอปัญหาไม่กล้ายกมือถาม)
พวกเค้าสนิทกันด้วย มีแซวกันเองระหว่างเรียน มีเสียงหัวเราะเป็นระยะ บรรยากาศจึงสบาย ๆ เป็นกันเอง
แถมเอาใจใส่ผมอย่างดี อาจารย์จะรับกาแฟไหม อาจารย์จะกินอะไร ประทับตราบัตรจอดรถหรือยัง คือพวกเค้าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ก็ได้ แต่พวกเค้าก็ใส่ใจ และทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย
พอผมผ่อนคลาย ก็สนุกกับการสอน รู้ตัวอีกทีก็สอนเกินเวลา
โดยรวมแล้วผมรู้สึกดีกับการสอนครั้งนี้มาก ก่อนสอนก็มีหวั่น ๆ ว่าตอบคำถามฝรั่งไม่ได้ (เอาเข้าจริง ฝรั่งถามกระจุย และคำถามของเค้าทำให้คอร์สสนุก) สุดท้ายก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดีทั้งสองวัน เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ
จำได้ว่าตอนจบทุกคนปรบมือดังมาก ภาพนั้นยังจำตราติดตรึงในหัวตอนนี้อยู่เลย …
ขอบคุณคุณอ้อที่ทำให้คอร์สนี้เกิดขึ้น
ขอบคุณคุณหญิงที่ดูแลผมอย่างดี
และสุดท้ายนี้ขอบคุณนักเรียนที่น่ารักจาก Krones ทุกคน, especially K.Benjamin. I’m very happy with you all. ^__^