พี่คิฮะ โดนัท และแฮม

<เค้าไม่ได้จ่าย>
ครอบครัวผมได้มีโอกาสไปเที่ยวกับพี่คิฮะมาครับ 😊

“พี่คิฮะคือใคร?”

พี่คิฮะ หรือ KIHA 183 คือรถไฟมือสองที่ญี่ปุ่นบริจาคให้ไทย แล้วไทยใช้เป็นรถไฟนำเที่ยว

“รถไฟมือสอง สภาพจะดีเหรอ?”

แวบแรกที่เห็นพี่คิฮะ บอกเลยว่าสวยมาก

ยิ่งพอเข้าไปข้างใน เบาะ ทางเดิน แอร์ ถ้าบอกว่าเป็นรถไฟซื้อใหม่ ผมก็เชื่อนะ

“ไปรถไฟ จะตรงเวลาเหรอ?”

เวลาออกจากหัวลำโพงที่แจ้งไว้คือ 6:50 แล้วก็ออก 6:50 จริง ๆ

ผมไปถึงหัวลำโพงประมาณ 6:15 ขณะที่กำลังงงว่าต้องไปที่ไหน ก็ได้ยินเสียงโทรโข่งว่า ใครไปเที่ยวราชบุรีกับรถไฟคิฮะ มาลงทะเบียนทางนี้ได้เลยครับ

ผมเดินตามเสียงไป ผู้ชายที่ถือโทรโข่ง ลดโทรโข่งลงแล้วพูดว่า “ขอดูตั๋วนิดนึงได้ไหมครับ”

หลังจากยื่นตั๋วให้ดู “ของคุณพี่ขบวนที่สาม เชิญลงทะเบียนที่โต๊ะขวาสุดครับ”

แล้วผมก็ได้สายคล้องสีแดงมา 5 อัน

ที่นั่งของผมคือ 17A อยู่ท้ายขบวน ติดกับประตูทางออก

“รถไฟออกแล้ว เย้ ๆ ๆ” ลูก ๆ ของผมตื่นเต้นมาก

สักพักก็เห็นชายถือโทรโข่ง (ที่ตอนนี้ไม่มีโทรโข่งแล้ว) เดินมาใกล้ ๆ กับที่นั่งของผม

“สวัสดีนักท่องเที่ยวทุกท่าน ผมชื่อโดนัทนะครับ เป็นผู้นำเที่ยวในครั้งนี้”

คุณโดนัทเล่าให้ฟังว่า คิฮะเป็นรถไฟดีเซลราง ถูกสร้างในปี 1979 (ก่อนผมเกิดอี๊ก) ถ้าวิ่งในญี่ปุ่น ทำความเร็วได้สูงสุด 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง

รางรถไฟในเมืองไทยแคบกว่าญี่ปุ่นเล็กน้อย ถ้าวิ่งในไทย ทำความเร็วได้ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่เพื่อความปลอดภัยจึงให้วิ่งประมาณ 80-90 กิโลเมตร/ชั่วโมง

คุณโดนัทเล่าเรื่องได้อย่างเป็นธรรมชาติ อารมณ์ดี มีมุขตลก แถมรู้เรื่องรถไฟดีมาก ๆ ผมรู้สึกชื่นชมการรถไฟที่มีบุคลากรเช่นนี้

สักพักทีมงานก็แจกข้าวเช้า

ตอนแรกผมคิดว่าคงเป็นข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวแบบชืด ๆ

แต่ไม่ใช่เลย เป็นข้าวกล่องที่อร่อยมาก จำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง รู้แต่ว่ากินจนหมด 😄

“เดี๋ยวเราจะเสิร์ฟอาหารจนต้องรอขอชีวิตครับ” คุณโดนัทพูดติดตลก

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เสิร์ฟเยอะจนกินไม่ทัน จนช่วงหลังผมต้องขอปฏิเสธเพราะอิ่มมาก 🌝

“เดี๋ยวพอลงจากรถไฟแล้ว เราจะต่อรถบัสเพื่อไปพิพิธภัณฑ์ของเมืองราชบุรีกันนะครับ”

ผมคิดในใจว่ารถบัสคงจะเก่า เหมือนรถบัสที่ผมเคยเช่าสมัยเรียนมหาลัย

แต่เปล่าเลย รถบัสใหม่เอี่ยมอ่อง เบาะอย่างดี แถมมีไวไฟฟรีอีกต่างหาก

พอไปถึงราชบุรีแล้ว มีคนมาเตรียมต้อนรับพวกเรา แถมมีการแสดงด้วย!

จริง ๆ! นักแสดงแต่งหน้าทำผม มารอแสดงตั้งแต่ 8 โมงเช้า

เป็นการแสดงที่ดีมาก เล่าประวัติของเมืองราชบุรี จนผมคิดว่าถ้ามาเองไม่มีทางได้ดูการแสดงดี ๆ แบบนี้แน่

พอจบการแสดง นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรีก็มากล่าว (ตากแดด) ต้อนรับพวกเราด้วย

ขอบอกว่าพวกเราคือนักท่องเที่ยวธรรมดา ไม่ได้มีคนใหญ่คนโต (เท่าที่ผมรู้) ไม่จำเป็นต้องเตรียมต้อนรับเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเค้าก็ทำ

แค่เริ่ม ก็ได้ใจไปเต็มร้อย..

“อาหารกลางวันของเราเป็นบุฟเฟต์นะครับ” ตอนแรกผมนึกว่าคุณโดนัทอำเล่น แต่ไม่ได้อำ เป็นบุฟเฟต์จริง ๆ แถมอร่อยด้วย 😀

หลังกินข้าว พวกเราได้ไปดูหนังใหญ่ที่วัดขนอน

“หนังใหญ่ คืออะไร?”

คือศิลปะการแสดงแบบหนึ่ง ถ้าอธิบายแบบง่ายคือคล้าย หนังตะลุง + โขน + หุ่นละครเล็ก

การแสดงแบบนี้หาดูได้ยาก แม้แต่ที่วัดขนอนเองก็ไม่ได้เปิดแสดงบ่อย แต่พวกเรามาเป็นหมู่คณะจึงได้มีโอกาสได้ชม

“ถ้ามาเอง ไม่มีทางได้ดูแบบนี้แน่” ภรรยากล่าวกับผม

หลังจากนั้นพวกเราได้ไปเที่ยวตลาดชุมชมคูบัว มีเวลาให้เดินเล่น + ซื้อของประมาณ 45 นาที

ขอบอกว่า ที่นี่ก็เตรียมการแสดงต้อนรับพวกเราด้วยนะ

จริง ๆ! นอกจากชาวบ้านจะมาขายของแล้ว ยังมีการแสดงด้วย

ใช่, มาแค่ 45 นาทีนี่แหละ

ที่สุดของที่สุด..

จากนั้นพวกเราได้ไปที่ร้านเรื่องของโอ่ง เพื่อรับฟังประวัติความเป็นมาของโอ่ง ดูสาธิตการปั้นโอ่งแบบสด ๆ (ลูกสาวผมตื่นเต้นมาก) และได้ลองเพนต์โอ่ง (ใบเล็ก) แล้วได้โอ่งใบนั้นเป็นของที่ระลึก

จากนั้นก็มาที่สถานีรถไฟราชบุรีเพื่อขึ้นพี่คิฮะกลับกรุงเทพ

ขอบอกว่าอาหารเย็นอร่อยมาก โดยเฉพาะไก่ย่าง อร่อยจนอยากขอเพิ่ม

ตลอดทริป ทีมงานดูแลพวกเราอย่างดี มีไมตรีจิต ช่วยจัดการเรื่องจิปาถะให้ทั้งหมด

ช่วงท้ายมีทีมงานท่านนึงชื่อคุณแฮม มาพูดคุยเฮฮากับพวกเรา

คุณแฮมเป็นคนตลก แถมรู้เรื่องรถไฟเป็นอย่างดี จนผมแอบแปลกใจว่า เค้าเป็นพนักงานการรถไฟจริง ๆ เหรอ?

พอรถไฟใกล้จะถึงกรุงเทพ มีเจ้าหน้าที่การรถไฟเดินมาทักทายพวกเรา (ใส่ชุดฟอร์มการรถไฟ) ผมจึงรู้จากเจ้าหน้าที่ท่านนั้นว่า คุณโดนัทและคุณแฮมไม่ใช่คนของการรถไฟ แต่เป็นแฟนพันธุ์แท้รถไฟไทย!

ใช่, ผู้ชนะเลิศคือคุณแฮม ส่วนคุณโดนัทเป็นผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบลึก ๆ

มิน่า ถึงรู้เรื่องรถไฟดีขนาดนี้ ผมถึงบางอ้อทันที (แม้ว่าตอนนั้นอยู่สถานีบางซื่อก็ตาม ^^)

หลังจากจบการแข่งขันแฟนพันธุ์แท้แล้ว คุณโดนัทและคุณแฮมก็ยังขึ้นรถไฟเที่ยวทุกอาทิตย์ ด้วยความที่พูดเก่ง อัธยาศัยดี ทางการรถไฟจึงติดต่อขอให้เป็นออแกไนเซอร์จัดทริป

เรียกว่าใช้คนได้ถูกจุดจริง ๆ ไม่มีใครเก่งและจัดทริปได้ดีกว่านี้แล้ว

จากทั้งหมดที่เล่ามา คุณคิดว่าทริปนี้ราคาเท่าไร?

1,499 บาท/คน คือราคาที่รวมทุกอย่างแล้ว

ถูกจนคิดว่าไม่มีทางมีกำไรแน่นอน ทางการรถไฟน่าจะจัดทริปเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น (ได้ยินว่าจังหวัดต่าง ๆ แย่งพี่คิฮะกันจนสับรางไม่ทัน 😄)

“ทริปนี้มีข้อเสียไหม?”

ข้อเสียของพี่คิฮะคือแอร์เย็นมากและห้องน้ำน้อย แนะนำให้เตรียมเสื้อคลุมมาด้วย และเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นรถไฟ

ข้อเสียอีกข้อคือ จองยากมาก

ด้วยความที่พี่คิฮะรับนักท่องเที่ยวได้เพียง 200 ท่าน แต่มีคนอยากไปเยอะมาก ตั๋วจึงเต็มอย่างรวดเร็ว

(ทริปที่ผมไป ตั๋วเต็มภายใน 20 นาที)

ใจจริงแล้วผมไม่อยากเขียนรีวิวนี้เลย เพราะกลัวคนอ่านแล้วอยากไป เดี๋ยวผมจะจองตั๋วทริปต่อไปยากขึ้น

แต่ไปแล้วประทับใจมาก มากจนอยากเขียนขอบคุณการรถไฟที่จัดทริปดี ๆ แบบนี้

ขอบคุณทีมงานทุกคนที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี (ย้ำ! ว่าทุกคน)

ขอบคุณภรรยาที่ฟันฝ่าจองตั๋วทริปนี้มาได้

ดีใจที่ได้ไป และจะไปเที่ยวกับพี่คิฮะอีกอย่างแน่นอน

ใครอ่านจบแล้ว.. อย่ามาแย่งจองตั๋วทริปหน้านะ 😊

ขอแก้ไขข้อมูลนิดนึง หลังจากโพสต์ไปทำให้ทราบว่า คุณโดนัทไม่เคยเข้าแข่งขันรายการแฟนพันธุ์แท้ (แต่มีความรู้เรื่องรถไฟเยอะมาก) ส่วนคุณแฮมเป็นพนักงานของการรถไฟ และเคยเข้าร่วมแข่งขันรายการแฟนพันธุ์แท้ (แต่ไม่ได้เป็นผู้ชนะ) ครับ 😀

วิศวกรรีพอร์ต

คนธรรมดาผู้มีประสบการณ์ทำงานหลากหลายตำแหน่ง คลุกคลีกับการทำรีพอร์ตมาโดยตลอด สุดท้ายค้นพบแนวทางของตัวเอง จึงอยากแบ่งปันเคล็ดลับและประสบการณ์ให้กับผู้สนใจ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.