“ไม่มีอะไร ‘ดำรงอยู่’ หากเราไม่ ‘สังเกต’ มัน พูดสั้นๆคือ ‘มัน’ มีตัวตน เพราะเราไปสังเกตมัน”
นี่คือสิ่งที่ผมสรุปจากการอ่านหนังสือเรื่อง “อัฏฐสุตรา” ซึ่งแต่งโดยคุณวินทร์ เลียววาริณ ผู้ซึ่งคนทั่วไปอาจมองเป็นนักเขียน แต่สำหรับผมเขาคือนักปราชญ์
หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไรน่ะหรือครับ?
เป็นเรื่องยากที่จะให้คำจำกัดความหรือจัดหมวดหมู่หนังสือเล่มนี้ เพราะเกี่ยวกับหลายเรื่องมาก ไม่ว่าจะเป็น
- คณิตศาสตร์
- ฟิสิกส์
- จักรวาลวิทยา
- ศาสตร์อี้จิง
- หลักธรรมของเต๋า
- หลักธรรมของศาสนาพุทธ
- หลักธรรมของเซน
- ศิลปะ
ในอีกแง่มุม จะมองว่าเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ที่อธิบายปรัชญาก็ได้
ผมซื้อหนังสือเล่มนี้มา 7-8 ปีแล้ว คุ้นๆว่าเคยอ่านจบแบบเร็วๆรอบนึง ช่วงนี้รู้สึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศ จึงหยิบหนังสือของคุณวินทร์มาอ่าน
(ถ้าใครเบื่ออ่านหนังสือแนวเดิมๆ แนะนำให้อ่านหนังสือของคุณวินทร์เล่มใดก็ได้ครับ แล้วคุณจะเปลี่ยนบรรยากาศแน่นอน ^^)
เคยมีคำกล่าวว่า หนังสือเล่มเดิม เมื่ออ่านในเวลาที่เปลี่ยนไป มุมมองที่ได้ก็จะไม่เหมือนเดิม…
ผมเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้เต็มๆ
หลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบอีกครั้ง ความรู้สึกหลังปิดหนังสือไม่เหมือนครั้งแรกเลย
ความทรงจำรางๆตอนอ่านครั้งแรก รู้สึกว่าอ่านยาก และค่อนข้างไกลตัว (น่าจะอ่านไม่จบด้วยซ้ำ)
แต่พออ่านอีกครั้ง รู้สึกว่าเข้าใจ “อะไรๆ” มากขึ้น เริ่มรู้สึกว่าเรื่องไกลตัวใกล้กว่าที่คิด เรื่องใกล้ตัวไกลกว่าที่คิด
หนังสือเล่มนี้แม้มีความหนาเพียง 233 หน้า แถมมีภาพประกอบเยอะ แต่ใช้เวลาอ่านนานทีเดียว
เพราะอ่านแล้วต้องลดมือวางหนังสือลง เอานิ้วชี้มือขวาคั่นไว้ แล้วคิดตาม
บางทีก็เอาที่คั่นหนังสือมากั้น แล้วใช้นิ้วชี้มือซ้ายจับคาง ทำความเข้าใจตัวหนังสือที่เพิ่งอ่าน…
ถ้าคุณชอบหนังสือเรื่อง A Brief History Of Time (แต่งโดยคุณ Stephen Hawking) คุณจะต้องชอบหนังสือเล่มนี้แน่นอน
ถ้าคุณชอบศาสตร์หยินหยาง คุณจะต้องชอบหนังสือเล่มนี้แน่นอน
ถ้าคุณชอบความงามของคณิตศาสตร์ คุณจะต้องชอบหนังสือเล่มนี้แน่นอน
ความงามของคณิตศาสตร์คืออะไรน่ะหรือครับ?
ผมขอยกตัวอย่างความงามของคณิตศาสตร์ จากหนังสือหน้า 59
19 = (1 x 9) + (1 + 9)
29 = (2 x 9) + (2 + 9)
39 = (3 x 9) + (3 + 9)
49 = (4 x 9) + (4 + 9)
………….
11 = 1 x 9 + 2
111 = 12 x 9 + 3
1,111 = 123 x 9 + 4
………….
111,111,111 x 111,111,111 = 12,345,678,987,654,321
เห็นความงามไหมครับ ^__^
ตอนอ่านมีความรู้สึกได้กลิ่นอายของ “The Da Vinci Code” (แต่งโดยคุณ Dan Brown) และ “ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล” (แต่งโดยคุณวินทร์เช่นกัน)
ช่วงนี้ผมกำลังเครียดลึกๆ นอนหลับไม่ค่อยสนิท ตื่นกลางดึกทุกคืน
ส่วนนึงคงเป็นเพราะไม่พอใจตัวเองที่ทำงานล่าช้ากว่าแผนที่วางเอาไว้ หลายสิ่งควรต้องเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มี “วุ้น” ออกมาให้เห็น
ส่วนนึงอาจเป็นเพราะปัญหาส่วนตัวหรือคนรอบข้างที่ประเดประดังเข้ามา
ส่วนนึงอาจเป็นเพราะรู้สึกว่าโลกทุกวันนี้หมุนเร็วเหลือเกิน ถ้าเราหมุนช้ากลายเป็นเดินถอยหลัง
แต่พออ่านประโยคในหนังสือหน้า 221
“ไม่มีอะไร ‘ดำรงอยู่’ หากเราไม่ไป ‘สังเกต’ มัน พูดสั้นๆคือ เรามีตัวตนอยู่เพราะเราไปสังเกตมัน!”
ผมอ่านประโยคนี้แล้วเหมือนโดนตีแสกหน้า จนต้องอ่าน “ระหว่างบรรทัด” หลายรอบ และตีความในมุมที่เหมาะกับตัวเองตอนนี้ได้เป็น
“ไม่มีอะไร ‘ดำรงอยู่’ หากเราไม่ ‘สังเกต’ มัน พูดสั้นๆคือ ‘มัน’ มีตัวตน เพราะเราไปสังเกตมัน”
คืนนี้ผมคงนอนหลับสนิทและไม่ตื่นกลางดึกแล้วล่ะ ^___^
.
ขออภัยหากไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้มากนัก เพราะผมอยากให้คุณอ่านด้วยตัวเอง ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงภาคผนวก
เชื่อว่า 10 คนอ่านจะได้ 10 มุมมอง
แล้วคุณล่ะ ได้มุมมองแบบใด?
ขอบคุณคุณวินทร์ เลียววาริณ ที่แต่งหนังสือทรงคุณค่าเล่มนี้ครับ ^/\^