“มีข่าวร้ายมาบอกว่ะ โยโย่ สันติเสียชีวิตแล้ว”
“เฮ้ย! อย่าล้อเล่นนะเว้ย” ผมร้องลั่น
“เรื่องจริง”
ผมกับโย (สันติ สิงหวังชา) เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัย ม.ต้น ม.ปลาย แล้วก็มหาลัย
ใช่, เราเรียน ม.ต้น ที่โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรด้วยกัน
ตอน ม. ปลาย เราก็เรียนโรงเรียนเตรียมอุดมด้วยกัน
พอ มหาลัย เราก็เรียนวิศวะจุฬาฯ ด้วยกัน
อันที่จริง เราสอบเทียบเหมือนกันด้วย (สมัยนี้ไม่มีสอบเทียบแล้ว) ผมกับโยสอบเทียบตั้งแต่ ม.1 ตอนสอบเทียบมีแค่เราที่เป็นเด็ก ที่เหลือเป็นผู้ใหญ่ ตอนสอบเทียบเราจึงตัวติดกัน (เพราะไม่รู้จะคุยกับใคร)
โดยไม่รู้ตัว โยเป็นเพื่อนที่เรียนกับผมยาวนานที่สุด 9 ปี (3+2+4)
อันที่จริง ผมไม่เคยเรียกชื่อ โย ส่วนใหญ่จะเรียก สันติ
ทำไม?
ถ้าใครเคยเรียนโรงเรียนชายล้วน จะรู้ว่าเราไม่ค่อยเรียกชื่อเล่นกัน ส่วนใหญ่จะเรียกชื่อที่เพื่อนตั้งให้
ชื่อที่เพื่อนตั้งให้โยคือ เป็ด
ส่วนชื่อที่เพื่อนตั้งให้ผมคือ จิ้งจก
เด็ก ม.ต้น ไม่ค่อยคิดอะไรมากหรอก ส่วนใหญ่มักตั้งชื่อเพื่อนตามสัตว์ต่าง ๆ หรือไม่ก็เรียกชื่อพ่อ
ใช่, ผมยังจำได้เลยว่าชื่อพ่อของโยคือ นริศ
พอมารู้ทีหลังว่าเป็นเจ้าของค่ายมวยดัง สิงหวังชา ทำเอาขนลุกซู่
ผมไม่ชอบเรียกชื่อพ่อ ส่วนใหญ่จึงเรียก สันติ ถ้าวันไหนอยากกวนตีนก็เรียก ไอ้เป็ด
โยเองก็ชอบกวนตีนผมเหมือนกัน บางทีก็ชอบชวนเพื่อนมาช่วยกันล้อ
โย: “อ๊ะ! ได้ยินเสียงไหม?”
เพื่อน: “หือ! เสียงอะไรเหรอ?”
โย่: “นี่ไง จุ๊ จุ๊ จุ๊ เสียงจิ้งจก”
เพื่อน: “อ้าว ไอ้บิวร้องนี่หว่า”
แล้วมันสองคนก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก พร้อมกับรีบวิ่งหนีผมที่ปรี่เข้ามาถีบ
ด้วยความที่เป็นโรงเรียนชายล้วน สรรพนามที่เราเรียกกันคือ กู และ มึง
บางครั้งก็มีคำว่า ไอ้ นำหน้า
บางครั้งก็มีคำว่า ไอ้+สัตว์เลื้อยคลาน นำหน้า
สำหรับพวกเรา คำสรรพนามคล้ายดัชนี้ชี้ความสนิท ยิ่งหยาบคาย แปลว่ายิ่งสนิท ตลกดีเหมือนกัน
ตอนม. ปลาย เรามาเข้าเตรียมอุดมด้วยกัน รุ่นเรามีเข้าเตรียม ฯ แค่ 4 คน คือโย ผม นิติพงษ์ แล้วก็ปฐมพงศ์ แม้ช่วงแรกจะเกาะกลุ่มกัน แต่พออยู่คนละห้องเราก็ค่อย ๆ ห่างกัน
โยจึงถือโอกาสลบชื่อเป็ดออกจากสารบบ และให้เพื่อนทุกคนเรียกตัวเองว่าโย หรือ โยโย่
ผมจึงเลิกเรียกชื่อเป็ด และหันมาเรียก สันติ เพียงชื่อเดียว (แต่ในบทความนี้ขอเรียกว่า โย)
เราเรียน ม. ปลาย 2 ปี แล้วก็มาเข้าวิศวะจุฬา ฯ ด้วยกัน แต่อยู่คนละภาควิชา ผมเรียนสิ่งแวดล้อม ส่วนโยเรียนโยธา (ชื่อโย และเรียนโยธา ตลกดีเหมือนกัน ^^)
ตอนเรียนโยธาเหมือนจะเข้าทาง โยเรียนได้ดีและเก่งเป็นลำดับต้น ๆ ของภาค ด้วยความที่เป็นคนสบาย ๆ เฮฮา แถมเรียนเก่ง จึงเป็นที่รักของเพื่อน ๆ
แม้จะอยู่คนละภาค แต่พอเจอหน้ากันเรายังคงทักทาย กวนตีนแบบหอมปากหอมคอ
พอเรียนจบเราไม่แทบไม่เจอกันเลย มารู้ข่าวอีกครั้งคือโยกลายเป็นนักเล่นหุ้นรุ่นใหม่ที่ทุกคนรู้จัก ใช้ชื่อในวงการว่า โยโย่ หรือ yoyoway (ถ้าใครเล่นหุ้นแนว VI ต้องรู้จักชื่อนี้)
รู้ข่าวอีกครั้งคือโยกำลังจะแต่งงาน เจ้าสาวของโยคือส่วง
ส่วงเป็นเพื่อนของผมตั้งแต่สมัยเรียนประถม เพิ่งรู้ว่าสองคนนี้รู้จักกัน และกำลังจะแต่งงานกัน (โลกกลมดีแท้)
โยเป็นคนดี และส่วงก็เป็นคนดี
ดีใจกับเพื่อนทั้งสองมาก
ยิ่งเวลาผ่านไป ชื่อเสียงของโยยิ่งเป็นที่รู้จัก เปลี่ยนสถานะจากนักลงทุนรุ่นใหม่ กลายเป็น นักลงทุนรุ่นใหญ่ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คน
เวลามีเพื่อนรู้ว่าผมรู้จักโย yoyoway ทุกคนจะทึ่งมาก
“รู้จัก yoyoway จริงดิ?”
“เจ๋งอ่ะ รู้จักคนดังด้วย”
การมีเพื่อนดัง ทำเอาผมพลอยยืดไปด้วย ดีใจกับโยที่มีวันนี้
เรื่องความร่ำรวยคงไม่ต้องพูดถึง โยเลยจุดนั้นไปนานแล้ว แต่โยยังเป็นสันติคนเดิม ยังคงสบาย ๆ และเฮฮา
พอโยรู้ว่าผมทำเพจ บางครั้งก็มีแชตมาถามเรื่อง Excel บ้าง แต่ก็คุยกันไม่บ่อย
เวลาเราคุยกัน สรรพนามที่ใช้ยังคงเหมือนเดิม (กู และ มึง) เคยเป็นไงก็เป็นงั้น มิตรภาพของเราไม่ผันตามกาลเวลา
“โยเสียชีวิตยังไง?” ผมถามกลับ
“ยังไม่รู้รายละเอียด เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ เหตุเกิดเมื่อเช้านี้เอง (18 ตุลาคม 2021)”
“เรื่องจริงใช่ไหม” ผมถามย้ำ เหมือนอยากให้เพื่อนบอกว่าไม่จริง
“เรื่องจริง ลองเช็คกับเพื่อนสนิทอีกคนแล้ว ทุกคนช็อคมาก”
ตอนที่ผมกำลังพิมพ์บทความนี้ บอกตามตรงว่ามือสั่นและต้องหยุดเป็นพัก ๆ
ไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนที่โตมาด้วยกัน เรียนมาด้วยกัน ตบหัววิ่งไล่เตะตูดกัน จะจากไปด้วยวัยเพียงสี่สิบปี
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ อุ๊ย! จิ้งจกร้อง” แล้วโยก็หัวเราะ
คิดถึงมึงว่ะสันติ อยากให้มึงกลับมาล้อกูอีก…
หลับให้สบายนะเพื่อน